ในยุคที่ทองเขยิบเข้าไปใกล้บาทละ 25,000 ทุกขณะ ใครมีไว้ในครอบครองคงต้องระวังรักษาให้ดี วันนี้จึงมีเคล็ดลับการทำความสะอาดเครื่องประดับทองมาบอก
เครื่องประดับที่ทำจากทองคำ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ กำไลข้อมือ ต่างหู แหวน ใส่ไปนาน ๆ เข้า ก็อาจจะมีหมองจนดูไม่น่ามอง หากยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ลองอ่านคำแนะนำต่อไปนี้
วิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
** ให้ใส่อาบน้ำ ให้ทองได้ถูกน้ำสบู่บ้าง เครื่องทองก็จะไม่ค่อยหมองแล้ว หรือให้แช่ในน้ำมะนาวข้ามคืน แล้วใช้แปรงขนอ่อนขัดเบา ๆ เสร็จแล้วเช็ดให้แห้ง นำไปคลุกกับแป้งฝุ่น แล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดซ้ำ ก็จะได้ทองแวววาวคืนมา หรือจะลองขัดกับน้ำมะขามเปียกก็ได้ แล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ก็ได้ผลเช่นกัน
อีกวิธีที่ปลอดภัยสุด ๆ
**ให้ใช้ผ้านุ่มเช็ดฝุ่นที่ติดตามทองออก แล้วแช่ในน้ำอุ่นที่ผสมกับน้ำยาซักล้างอ่อน ๆ หากสีทองหมองลง ควรล้างด้วยน้ำยาล้างทอง หรืออาจใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น ถูเบา ๆ หากสีหมองมาก และเป็นเครื่องประดับที่มีลวดลายละเอียด ควรแช่ในน้ำเดือด ผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตหนึ่งหยิบมือ แช่ทีละชิ้นประมาณ 30 วินาที จากนั้นซับให้แห้งด้วยผ้านิ่ม แต่ในกรณีที่เครื่องประดับมีพลอยตกแต่งอยู่ ไม่ควรใช้วิธีนี้ เพราะอาจทำให้พลอยร้าวได้
เคล็ดลับต่อมา
**ให้ลองใช้แอมโมเนียครึ่งถ้วย ผสมกับนํ้าอุ่น 1 ถ้วย แล้วแช่ไว้ 10-15 นาที ใช้แปรงขนอ่อนขัด ล้างน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้ง เพียงเท่านี้เครื่องประดับทองคำ ก็จะสุกใส น่าสวมใส่แล้ว แต่ต้องหลีกเลี่ยงวิธีนี้หากเครื่องประดับชิ้นนั้นมีไข่มุกอยู่ด้วย เพราะแอมโมเนียจะทำลายผิวของไข่มุก
อย่าใส่เครื่องประดับทองคำลงว่ายน้ำในสระหรือแช่อ่างจากุชชี่ เพราะคลอรีนในน้ำอาจทำลายผิวของทอง หรือทำให้หนามเตยที่ไว้เกี่ยวคลายออกได้ นอกจากนั้นโลชั่นหรือสเปรย์ต่าง ๆ ก็มีส่วนทำให้ความแวววาวของทองคำลดลงเช่นกัน เพราะทำให้เกิดชั้นไขมันเคลือบผิวทองไว้ ดังนั้นเวลาใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ ระวังอย่าให้โดนเครื่องประดับที่ทำจากทอง
เวลาที่เก็บเครื่องประดับที่เป็นทองคำ ควรหุ้มด้วยสำลีหรือผ้านิ่ม ๆ ห่อแยกชิ้น ไม่เช่นนั้น แต่ละชิ้นอาจขูดขีดกันจนมีตำหนิได้ แล้วเก็บใส่กล่องที่เหมาะสมอีกทีหนึ่ง.
เครื่องประดับที่ทำจากทองคำ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ กำไลข้อมือ ต่างหู แหวน ใส่ไปนาน ๆ เข้า ก็อาจจะมีหมองจนดูไม่น่ามอง หากยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ลองอ่านคำแนะนำต่อไปนี้
วิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
** ให้ใส่อาบน้ำ ให้ทองได้ถูกน้ำสบู่บ้าง เครื่องทองก็จะไม่ค่อยหมองแล้ว หรือให้แช่ในน้ำมะนาวข้ามคืน แล้วใช้แปรงขนอ่อนขัดเบา ๆ เสร็จแล้วเช็ดให้แห้ง นำไปคลุกกับแป้งฝุ่น แล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดซ้ำ ก็จะได้ทองแวววาวคืนมา หรือจะลองขัดกับน้ำมะขามเปียกก็ได้ แล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ก็ได้ผลเช่นกัน
อีกวิธีที่ปลอดภัยสุด ๆ
**ให้ใช้ผ้านุ่มเช็ดฝุ่นที่ติดตามทองออก แล้วแช่ในน้ำอุ่นที่ผสมกับน้ำยาซักล้างอ่อน ๆ หากสีทองหมองลง ควรล้างด้วยน้ำยาล้างทอง หรืออาจใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น ถูเบา ๆ หากสีหมองมาก และเป็นเครื่องประดับที่มีลวดลายละเอียด ควรแช่ในน้ำเดือด ผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตหนึ่งหยิบมือ แช่ทีละชิ้นประมาณ 30 วินาที จากนั้นซับให้แห้งด้วยผ้านิ่ม แต่ในกรณีที่เครื่องประดับมีพลอยตกแต่งอยู่ ไม่ควรใช้วิธีนี้ เพราะอาจทำให้พลอยร้าวได้
เคล็ดลับต่อมา
**ให้ลองใช้แอมโมเนียครึ่งถ้วย ผสมกับนํ้าอุ่น 1 ถ้วย แล้วแช่ไว้ 10-15 นาที ใช้แปรงขนอ่อนขัด ล้างน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้ง เพียงเท่านี้เครื่องประดับทองคำ ก็จะสุกใส น่าสวมใส่แล้ว แต่ต้องหลีกเลี่ยงวิธีนี้หากเครื่องประดับชิ้นนั้นมีไข่มุกอยู่ด้วย เพราะแอมโมเนียจะทำลายผิวของไข่มุก
อย่าใส่เครื่องประดับทองคำลงว่ายน้ำในสระหรือแช่อ่างจากุชชี่ เพราะคลอรีนในน้ำอาจทำลายผิวของทอง หรือทำให้หนามเตยที่ไว้เกี่ยวคลายออกได้ นอกจากนั้นโลชั่นหรือสเปรย์ต่าง ๆ ก็มีส่วนทำให้ความแวววาวของทองคำลดลงเช่นกัน เพราะทำให้เกิดชั้นไขมันเคลือบผิวทองไว้ ดังนั้นเวลาใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ ระวังอย่าให้โดนเครื่องประดับที่ทำจากทอง
เวลาที่เก็บเครื่องประดับที่เป็นทองคำ ควรหุ้มด้วยสำลีหรือผ้านิ่ม ๆ ห่อแยกชิ้น ไม่เช่นนั้น แต่ละชิ้นอาจขูดขีดกันจนมีตำหนิได้ แล้วเก็บใส่กล่องที่เหมาะสมอีกทีหนึ่ง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น