It's Me

วันพุธ

เหงื่อบอกโรค

เหงื่อจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อร่างกายสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น 2 อย่าง คือ ความร้อน และอารมณ์ ในทางการแพทย์ระบุว่า เหงื่อสามารถบ่งบอกอาการของโรคบางชนิดได้

ในนิตยสาร "ชีวจิต" ฉบับ พ.ย. พ.ญ.เมทินี ไชยชนะ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป โรงพยาบาลฝาง จ.เชียงใหม่ อธิบายว่า โรคที่สัมพันธ์กับเหงื่อมี 2 ประเภท คือ

1.โรคที่ทำให้เหงื่อออกมาก

เครียด เหงื่อจะออกมากบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ และหน้าผาก ประกอบกับมีอาการอื่นร่วม เช่น ชีพจรเต้นเร็ว ใจสั่น มือสั่น

ต่อมธัยรอยด์เป็นพิษ หรือ คอพอก เหงื่อจะซึมออกมาทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือทั้งสองข้าง ร่วมกับมีอาการขี้หงุดหงิด มือสั่น ขี้ตกใจ น้ำหนักลด ตาโปน ผมร่วง เหนื่อยง่าย ใจสั่น หิวน้ำบ่อย

วัณโรค เหงื่อออกมากทั่วตัวในเวลากลางคืน สลับกับเป็นไข้ ไอเรื้อรัง

เบาหวาน เหงื่อซึมทั่วตัว โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ใจสั่น เหนื่อยหอบ หวิวๆ เหมือนจะเป็นลม

โรคหัวใจ เหงื่อแตก ร่วมกับใจสั่น เหนื่อยหอบ ขณะออกกำลังกาย หากมีอาการแน่นที่คอและหน้าอก เหงื่อออกตามนิ้วมือนิ้วเท้าทุกครั้งที่ออกกำลังกาย มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง

ภาวะใกล้หมดประจำเดือน เนื่องจากสมองหลั่งฮอร์โมนเพศหญิง "โพรเจสเทอโรน" น้อยลง เหงื่อจะออกมากในเวลากลางคืน
2.โรคที่ทำให้เหงื่อออกน้อย
ผู้ที่เหงื่อออกน้อยผิดปกติ เนื่องจากต่อมเหงื่อทำงานบกพร่อง มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความร้อนในร่างกายสูง อาจก่อให้เกิดโรคตามมาดังนี้

โรคผิวหนัง เช่น ผด ผื่น สะเก็ดเงิน ผิวแห้งแตกหยาบ เนื่องจากต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังถูกกดไว้จนไม่สามารถขับเหงื่อได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการอุดตันในขุมขนและเป็นโรคได้ในที่สุด

ไมเกรน คนที่มีความเครียดเป็นทุนเดิม ชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดการใช้พลังงานมากกว่าปกติ หากร่างกายได้รับการกระตุ้นจนเกิดความร้อนสะสมแต่กลับไม่มีเหงื่อออกมา อาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ เกิดภาวะปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนเป็นไมเกรน

คุณหมอเมทินี เสริมว่า โรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของเหงื่อใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ต้องมีปัจจัยอื่นร่วมอีกหลายอย่าง แต่มีทางป้องกันได้ ด้วยการหมั่นดูแลสุขภาพตัวเอง ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ลิตร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเหงื่อของร่างกาย และเลือกสถานที่อยู่ให้เหมาะสม ไม่ร้อนหรือแห้งเกินไป จะช่วยป้องกันโรคอันเกิดจากต่อมเหงื่อทำงานบกพร่องได้

เคล็ดลับทำความสะอาดทอง

ในยุคที่ทองเขยิบเข้าไปใกล้บาทละ 25,000 ทุกขณะ ใครมีไว้ในครอบครองคงต้องระวังรักษาให้ดี วันนี้จึงมีเคล็ดลับการทำความสะอาดเครื่องประดับทองมาบอก

เครื่องประดับที่ทำจากทองคำ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ กำไลข้อมือ ต่างหู แหวน ใส่ไปนาน ๆ เข้า ก็อาจจะมีหมองจนดูไม่น่ามอง หากยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ลองอ่านคำแนะนำต่อไปนี้

วิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
** ให้ใส่อาบน้ำ ให้ทองได้ถูกน้ำสบู่บ้าง เครื่องทองก็จะไม่ค่อยหมองแล้ว หรือให้แช่ในน้ำมะนาวข้ามคืน แล้วใช้แปรงขนอ่อนขัดเบา ๆ เสร็จแล้วเช็ดให้แห้ง นำไปคลุกกับแป้งฝุ่น แล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดซ้ำ ก็จะได้ทองแวววาวคืนมา หรือจะลองขัดกับน้ำมะขามเปียกก็ได้ แล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ก็ได้ผลเช่นกัน

อีกวิธีที่ปลอดภัยสุด ๆ
**ให้ใช้ผ้านุ่มเช็ดฝุ่นที่ติดตามทองออก แล้วแช่ในน้ำอุ่นที่ผสมกับน้ำยาซักล้างอ่อน ๆ หากสีทองหมองลง ควรล้างด้วยน้ำยาล้างทอง หรืออาจใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น ถูเบา ๆ หากสีหมองมาก และเป็นเครื่องประดับที่มีลวดลายละเอียด ควรแช่ในน้ำเดือด ผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตหนึ่งหยิบมือ แช่ทีละชิ้นประมาณ 30 วินาที จากนั้นซับให้แห้งด้วยผ้านิ่ม แต่ในกรณีที่เครื่องประดับมีพลอยตกแต่งอยู่ ไม่ควรใช้วิธีนี้ เพราะอาจทำให้พลอยร้าวได้

เคล็ดลับต่อมา
**ให้ลองใช้แอมโมเนียครึ่งถ้วย ผสมกับนํ้าอุ่น 1 ถ้วย แล้วแช่ไว้ 10-15 นาที ใช้แปรงขนอ่อนขัด ล้างน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้ง เพียงเท่านี้เครื่องประดับทองคำ ก็จะสุกใส น่าสวมใส่แล้ว แต่ต้องหลีกเลี่ยงวิธีนี้หากเครื่องประดับชิ้นนั้นมีไข่มุกอยู่ด้วย เพราะแอมโมเนียจะทำลายผิวของไข่มุก

อย่าใส่เครื่องประดับทองคำลงว่ายน้ำในสระหรือแช่อ่างจากุชชี่ เพราะคลอรีนในน้ำอาจทำลายผิวของทอง หรือทำให้หนามเตยที่ไว้เกี่ยวคลายออกได้ นอกจากนั้นโลชั่นหรือสเปรย์ต่าง ๆ ก็มีส่วนทำให้ความแวววาวของทองคำลดลงเช่นกัน เพราะทำให้เกิดชั้นไขมันเคลือบผิวทองไว้ ดังนั้นเวลาใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ ระวังอย่าให้โดนเครื่องประดับที่ทำจากทอง

เวลาที่เก็บเครื่องประดับที่เป็นทองคำ ควรหุ้มด้วยสำลีหรือผ้านิ่ม ๆ ห่อแยกชิ้น ไม่เช่นนั้น แต่ละชิ้นอาจขูดขีดกันจนมีตำหนิได้ แล้วเก็บใส่กล่องที่เหมาะสมอีกทีหนึ่ง.

วิธีเช็ดเส้นผมที่สระมาใหม่ ๆ ให้แห้งไว ๆ‏


ยำผักทอดกรอบ

ส่วนผสม
            พริกหวาน 3 สี (หั่นเต๋า)
            มะเขือเทศราชินี
            หอมแดง 
            พริกขึ้หนู 
            ต้นหอม
            ถั่วป่น
            มะนาว
          เห็ดเข็มทอง
            แครอท
          หมูสับ
          ไส้กรอกฮอทดอก
เครื่องปรุงรส
          
พริกขี้หนูแห้ง
          น้ำพริกเผา
          น้ำไข่ลูกเขย
          แป้งทอดกรอบโกกิ ผสมน้ำเย็น
วิธีทำ1.เริ่มจากนำเห็ดเข็มทอง และแครอท ชุบแป้งโกกิแล้วเอาไปทอดก่อนค่ะ

2.พอทอดเสร็จแล้วยกมาจัดใส่จานไว้ก่อนค่ะ
3.นำหมูสับ และฮอทดอกไปลวกให้สุก
4.จัดการส่วนผสมเสร็จแล้ว ก็มาทำน้ำยำกันดีกว่าค่ะ เริ่มจากน้ำไข่ลูกเขยที่มีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ  กลมกล่อมอยู่แล้ว มาปรุงเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยโดยบีบมะนาวเพิ่ม 1 ลูก ตามด้วยพริกขี้หนู น้ำพริกเผา และพริกขี้หนูแห้ง (เพิ่มความหอม)  
5.ผสมให้เข้ากัน แล้วลองชิมรสชาติดู
6.ใส่ถั่วป่น และผักต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ลงไปค่ะ
7.ตามด้วยหมูสับ กับฮอทดอก ผสมลงไป
8.คลุกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใกล้จะเสร็จแล้ว
9.ราดน้ำยำลงบนผักทอดที่เตรียมไว้ค่ะ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

10 วิธีเพื่อเล็บสวยสุขภาพดี

เล็บมือและเล็บเท้าของเรา ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มือและเท้าของเราดูสะอาด มีสุขภาพดีได้ การดูแลสุขภาพเล็บ จึงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนพึงกระทำให้เป็นกิจวัตร พอ ๆ กับการดูแลสุขภาพผิวของเราเองนั่นแหละค่ะ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบทาเล็บ แต่งเล็บแล้ว ยิ่งต้องบำรุงเล็บกันให้มากกว่าคนทั่วไปเลยทีเดียวล่ะ เพราะถ้าหากเล็บเหลือง หรือเล็บเสียมา เวลาที่คุณหยิบจับอะไรก็จะเป็นที่สังเกตที่เห็นได้ชัด วันนี้ เลยมีวิธีดูแลสุขภาพเล็บ 10 วิธีมาฝากกัน

          1. ทานอาหารให้มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารจำพวกผักผลไม้ ควรเติมเต็มให้ร่างกายอย่าให้ขาด เพราะไม่อย่างนั้นเล็บของคุณอาจมีรอยฝ้า หรือมีหลุมเล็ก ๆ ซึ่งบ่งบอกสุขภาพของคุณได้เป็นอย่างดี
          2. เน้นวิตามินบี เหล็ก และแคลเซียม ในอาหารแต่ละมื้อ เพราะสารอาหารทั้งสามตัวนี้จะช่วยฟื้นฟูเล็บ ทำให้เล็บมีสุขภาพดี ที่สำคัญคือวิตามินอีอย่าให้ขาด เพราะทำให้เล็บสวยจ้า
          3. อย่ากัดเล็บ เพราะนอกจากจะทำให้เสียบุคลิคภาพแล้ว การกัดเล็บยังทำให้เล็บขาดไม่เรียบร้อย และดูสกปรกได้
          4. ใส่ถุงมือทุกครั้งที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี เช่น การขัดห้องน้ำ เพราะมันเป็นอันตรายกับทั้งเล็บและมือ ทำให้เล็บอ่อนแอหรือเหลืองได้
          5. เพื่อทำให้เล็บแข็งแรงขึ้น ใช้เกลือทะเลครึ่งช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 1 ลิตร และแช่เล็บลงในน้ำเกลือนั้นประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก จะช่วยทำให้เล็บแข็งแรงขึ้น
          6. เช็ดมือทุกครั้งที่ล้างจาน ว่ายน้ำ หรือแม้แต่เวลาใส่รองเท้า เพราะความชื้นอาจจะทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ง่ายกว่า ดังนั้นต้องเช็ดมือทุกครั้ง จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้เยอะเลย
          7. ตัดเล็บและตะไบเล็บให้มนเรียบร้อย เพื่อป้องกันการหมักหมมของสิ่งสกปรก และไม่ให้เล็บคมบาดผิว
          8. บำรุงมือและเล็บให้ชุ่มชื้น ด้วยการใช้ครีมบำรุงมือและเล็บโดยเฉพาะ เพื่อสุขภาพที่ดีของมือและเล็บ
          9. หากคุณเป็นสาวที่ชื่นชอบการทาเล็บ อย่าลืมลงเบสโคท หรือรองพื้นก่อนทาเล็บทุกครั้ง เพราะจะช่วยบำรุงเล็บ ให้เล็บไม่ถูกสารเคมีจากยาทาเล็บที่อาจจะทำให้เล็บเหลือง แต่อย่างไรก็ดี อย่าลืมใช้น้ำยาล้างเล็บล้างสีทาเล็บออกให้หมด ให้เล็บได้เปลือยบ้างสัปดาห์ละ 2-3 วันค่ะ
          10. เลือกยาทาเล็บที่ไม่ทำลายเล็บ สาว ๆ รู้ไหมว่า ยาทาเล็บที่ดีนั้นต้องไม่มีส่วน ผสมของ Acetone หรือก็คือแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เล็บแห้งและหักง่าย สาว ๆ จึงควรเสียเวลาเล็กน้อย พลิกขวดดูส่วนประกอบของยาทาเล็บ หรือมองหาคำว่า Acetone Free ก็ได้ค่ะ

วนอุทยานแพะเมืองผี

แพะเมืองผีอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ เกิดจากสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นดิน และหินทรายถูกกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นรูปร่างลักษณะต่างๆประวัติความเป็นมา วนอุทยานแพะเมืองผี เป็นหน่วยงานสังกัดสำนักบริหาร จัดการในพื้นที่อนุรักษ์ 13 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้มีการประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2524 มีเนื้อที่ 167 ไร่ เป็นสถานที่มีความสวยงามด้าน ธรณีวิทยา หน้าผา เสาดิน และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ..........."แพะเมืองผี " มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความลี้ลับจนเป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่นที่บรรพบุรุษได้เล่าสืลต่อกันมาว่า มียายชราคนหนึ่ง เข้าไปในป่าถึงสถานที่แห่งหนึ่งได้พบหลุมเงินหลุมทองยายชราพยายามจะเอาเงิน เอาทองใส่หาบกลับบ้าน แต่เทพยาดาอารักษ์ไม่ให้เอาไปเพียงแต่เอาอวดให้เห็นเท่านั้น พอไปตามชาวบ้านมาดูก้พบแต่รอบเท้า หาบเงิน หาบทอง หายไป ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่นี้ว่า "แพะเมืองผี"
ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำชำ ใช้เส้นทางหลวงสายแพร่ - น่าน ทางหลวงหมายเลข 101 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 6 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ตำบลน้ำชำ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดแพร่ ประมาณ 15 กิโลเมตร

สดใสด้วย Photoshop